THE THIEF OF BARAMOS
.....กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานแสนนานในสมัยที่ผืนดินยังมีกษัตริย์ปกครองดินแดน มีอัศวินปกป้องเจ้าหญิง มีพ่อมดและมังกร มีเวทย์มนต์และความลี้ลับ.....ในตำนานเล่าขานถึงสงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างปีศาจแห่งความมืดและราชาแห่งแสงสว่าง ที่ได้แบ่งแยกดินแดนแตกเป็นสองส่วน โดยขนานนามดินแดนแห่งความดีว่าเอเดน ขนานนามแผ่นดินแห่งคนบาปว่าเดมอส สงครามดำเนินต่อเนื่องไม่หยุดยั้งตราบจนดาบแห่งกษัตริย์ คทาแห่งพลัง แหวนแห่งปราชญ์ และมงกุฎแห่งใจได้ปรากฎ........หนุ่มน้อยหัวขโมยนาม เฟริน ที่ถูกพ่อซึ่งเป็นนักต้มตุ๋นตัวฉกาจ ส่งตัวเข้ามาในโรงเรียนพระราชา เพื่อเสาะหาเจ้าชายที่เหมาะสมในการลักพาตัว "ใช่ ฉันหมายถึงโรงเรียนพระราชานี่ล่ะ ไปตามทางนี่ถึงแยกหน้า แยกไปทางขวาก็จะเข้าเมืองเอดินเบิร์ก ไปถึงที่นั่น อยากได้เจ้าชายกี่คนก็หาได้ ถึงตอนนั้นล่ะก็ ..หึหึ เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝนล่ะ ไม่อยากรวยก็ต้องรวยกันอื้อซ่า" เฟรินฟังแผนการของคนเป็นพ่อแล้วต้องถอนหายใจอย่างปลงสังเวช นึกกลัวแต่ว่าจะเรียกลมได้เฮอริเคน เรียกฝนได้ใต้ผุ่นเท่านั้นล่ะกับแผนการอันนี้
ภาค 1 มงกุฎแห่งใจ
เจ้าตัวยุ่งเฟริน หัวขโมยแห่งบารามอส จำต้องเข้าไปศึกษาในโรงเรียนพระราชา ตามแผนการของผู้เป็นพ่อ เรื่องวุ่นวายมากมายจึงตามมาอย่างไม่คาดฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อบังเอิญล่วงรู้ความลับของมงกุฎแห่งใจ
ภาค 2 คทาแห่งพลัง
การเดินทางครั้งสำคัญของเจ้าตัวยุ่งเฟริน หัวขโมยแห่งบารามอส และผองเพื่อน ในดินแดนต่างๆ ที่เต็มไปด้วยภยันตรายนานัปการ เรื่องวุ่นวายจึงตามมาอย่างไม่คาดฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคทาแห่งพลังได้หักสะบั้นลง
ภาค 3 แหวนแห่งปราชญ์
การเดินทางของเจ้าตัวยุ่ง เฟริน เดอเบอโรว์ และผองเพื่อน เมื่อได้เผชิญกับอำนาจลึกลับแห่งแหวนที่เล่นงานเฟรินจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ขณะที่สถานการณ์ในเอเดนกำลังมีภัยพิบัติ เรื่องวุ่นวายจึงตามมาอย่างคาดไม่ถึง
โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก ( Edinburg King Academy )
ประเทศเอดินเบิร์กเป็นรัฐอิสระที่ไม่ขึ้นอยู่ในการปกครองของแคว้นใด เป็นเมืองที่เล็กที่สุดที่มีพรมแดนทางบกเชื่อมกับอาณาจักรเดมอส และเป็นรัฐอิสระรัฐเดียวที่ได้รับการอารักขาคุ้มครองเป็นพิเศษจาก ไฮคิง กษัตริย์แห่งกษัตริย์ อัศวินแห่งปราชญ์ ผู้ได้รับการนับถือว่าป็นผู้นำในการต่อต้านการรุกรานจากจอมปีศาจเอวิเดสแห่งเดมอสรัฐเอดินเบิร์กอยู่ภายใต้การดูแลของมหาปราชญ์เลโมธีผู้ได้รับการนับถือจากทุกคน เชื่อกันว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีอำนาจทางเวทมนต์เสมอเอวิเดส และเป็นเหตุให้เอดินเบิร์กเป็นรัฐเดียวที่ได้รับการรุกรานจากเอวิเดสน้อยที่สุด จนมีตำนานเชื่อกันว่าเวทมนต์ของเอวิเดสจะเสื่อมภายใต้แสงสว่างแห่งเอดินเบิร์กโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก เป็นโรงเรียนพิเศษที่มีชื่อเสียงในด้านการฝึกฝนอบรมพระราชาในอนาคต แต่ละปีจะมี ลูกเจ้าหลานเธอ ลูกขุนนาง นักปราชญ์ นักรบ ประชาชนชาวบ้าน พากันมาสมัครมากมาย ผู้ที่เข้าเรียนที่นี่ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระราชาทุกคน แต่ด้วยคุณภาพของการเรียนการสอน หากสอบเข้าที่นี่ได้ก็เหมือนเปิดทางไปสู่ความสำเร็จในอนาคตผู้ที่สามารถสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กได จะต้องมีอายุ 15 ขึ้นไป แต่ในระหว่างเรียน บางครั้งนักเรียนคนนั้นอาจติดภารกิจในประเทศของตนเอง ไม่สามารถมาเรียนได้อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นไปได้ที่ในชั้นปีสูงๆขึ้นไป นักเรียนในชั้นเดียวกันอาจจะมีอายุไม่เท่ากัน
หอพักทั้งสี่โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก
แบ่งหอพักนักเรียนออกเป็น 4 หอ ตามผลการสอบคัดเลือกเข้าเรียน ได้แก่
ปราสาทขุนนาง - ธงสีน้ำเงินลายมงกุฎ มีสัตว์พาหนะของผู้ถือธงเป็นกริฟฟินสีทอง
ป้อมอัศวิน - ธงสีแดงลายดาบ ผู้ถือธงนั่งอยู่บนหลังมังกรเพลิง
แผ่นดินประชาชน - ธงสีดำลายแหวนผู้นั่งอยู่บนหลังฟีนิกซ์
ปราการปราชญ์ - ธงสีขาวลายคทา ผู้ถือธงอยู่บนหลังสฟิงซ์สัญลักษณ์ของความรอบรู้
คณะปกครองแห่งเอดินเบิร์ก
เอดินเบิร์กเป็นประเทศเล็กมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ไม่มีกษัตริย์เป็นของตัวเอง ไม่มีคณะปกครองของตนเอง ไม่มีเเม้เเต่กองกำลังทหารของตัวเอง เรียกอีกนัยหนึ่งคือเป็นประเทศจำลองของโรงเรียนพระราชา ชื่อประเทศจึงมีชื่อเดียวกับโรงเรียนพระราชา และแบ่งการปกครองออกจากหอพักทั้งสี่ดังนี้
ปราสาทขุนนาง - งานคลังกับการต่างประเทศ
แผ่นดินประชาชน - ดูเเลทุกข์สุขประชา
ปราการปราชญ์ - ระเบียบกฎหมาย
ป้อมอัศวิน - กองกำลังทหารทั้งหมด
ส่วนมหาปราชญ์เลโมธีกับคณาจารย์คือที่ปรึกษา การตัดสินใจบริหารทั้งหมด ทำโดยผ่านมติสภาสูง เพียงเเต่หากความเห็นขัดเเย้งกัน เล้วหาข้อยุติไม่ได้ มหาปราชญ์เลโมธีจะเป็นผู้ลงมติ
สถานที่ต่างๆในโรงเรียน
พระราชาลานหน้าปราสาทประตูใหญ่ของกำแพงแห่งโรงเรียนเอดินเบิร์กเปิดกว้างในเช้าวันนี้ อาทิตย์ส่องแสงจ้าแจ่มใส เสียงนกเริ่มร่ำร้อง สนามหญ้าที่เขียวขจีหน้าโรงเรียนยังต้องด้วยหยาดน้ำค้าง ทั้งรถทั้งคนยังเต็มไปทั้งถนนด้านหน้า แม้ว่าจะด้อยจำนวนกว่าวันก่อนหลายเท่าตัว ธงสีม่วง มีลายมงกุฎ ดาบ คทา แหวนสีทองอยู่ตรงกลาง อันเป็นธงประจำโรงเรียนพระราชากำลังปลิวไสวเรียงรายบนกำแพงใหญ่ และอีกทั้งสองข้างประตูกว้าง
ยอดปราสาทเอดินเบิร์กเป็นสถานที่เก็บรักษาสมบัติวิเศษทั้งสี่ อันได้แก่ มงกุฎแห่งใจ คทาแห่งนักรบ แหวนแห่งปราชญ์ และดาบแห่งกษัตริย์
คุกใต้ดินเป็นสถานที่สำหรับกักขังสัตว์ร้ายหรือผู้ที่กระทำความผิดขั้นลหุโทษ จิ้งจอกเก้าหางก็ถูกจองจำไว้อยู่ที่นี่ คุกใต้ดินจะมีตัวแทนจากป้อมต่างๆผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าอยู่ตลอดเวลา
ห้องอาหารดรากอนโรงอาหารประจำป้อมอัศวิน เดาจากที่เฟรินประกาศโวยวายหลายครั้งหลายหน คาดว่าอาหารที่นี่คงไม่ได้โอชารสอย่างไรนัก (แต่เฟรินก็กินสามชามทุกที)
ตำแหน่งต่างๆในป้อมอัศวิน
ป้อมอัศวินมีประธานป้อมเป็นประมุข แบ่งระเบียบการบริหารออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกดูแลภายในมี เสนาธิการฝ่ายซ้ายเป็นหลัก มีสี่ผู้คุ้มกฎคอยขึ้นตรงรายงาน อีกฝ่ายคือดูแลภายนอกมี เสนาธิการฝ่ายขวาเป็นแกน ควบคุมทั้งสามขุนพล และสิบสองผู้พิทักษ์ป้อม
เฟริน เดอเบอโรว์
....ดวงหน้าผิวสีอ่อนของเจ้าหนุ่มดูดีจนติดจะสวยภายใต้แสงแดดแจดจ้า แต่ถึงกระนั้นรอยแผลเป็นจางๆใต้ตาซ้ายมันก็บ่งบอกถึงความสมบุกสมบันของเจ้าของชีวิตเป็นอย่างดี มันทำให้ดวงหน้าอ่อนๆนั้นดูกร้านโลกและน่าเกรงไปโขโดยเฉพาะยามที่เจ้าตัวไม่ขยับรอยยิ้ม
ชื่อ...เฟริน เดอเบอโรว์ ( Felin De Bereaux )
ฉายา...หัวขโมยแห่งบารามอส ( The Thief of Baramos )
ทายาทหัวขโมยแห่งบารามอส ถูกพ่อซึ่งเป็นนักต้มตุ๋น ส่งตัวเข้ามาในโรงเรียนพระราชาเพื่อหาเจ้าชายที่เหมาะสมในการลักพาตัว แต่ชีวิตมีอันต้องพลิกผัน เมื่อได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสามหัวหน้านักเรียนชั้นปีหนึ่งร่วมกับคาโล เจ้าชายแห่งคาโนวาล ผู้เย็นชา และ คิลมัส นักฆ่าแห่งซาเรส ผู้ชื่นชอบความสนุกตื่นเต้น
สิ่งที่ชอบ...แอปเปิ้ล
สิ่งที่เกลียด...ผี
ความสามารถพิเศษ...มือเบา ตีนเบา แล้วก็...ปากเบา (นั่นเป็นความสามารถพิเศษหรือเปล่า)
คาโล วาเนบลี
...นัยน์ตาคมกริบของเฟรินจ้องมองร่างเด็กหนุ่มผมสีเงินวัยเดียวกันที่เดินผ่านหน้าเขาไปยังผู้ขานชื่อ เจ้าของร่างมีดวงหน้าสงบเยือกเย็น สงบไร้อารมณ์ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม หรือความรู้สึกใดๆนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างคมกริบที่มุ่งมั่น การย่างก้าวแฝงประกายแห่งอำนาจ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ทรงเครื่องแต่งกายแห่งราชนิกูล แต่ทุกการกระทำกลับสะท้อนถึงสายเลือดสีน้ำเงินได้อย่างเด่นชัด
ชื่อ...คาโล วาเนบลี ( Kalo Wanebli )
ฉายา...เจ้าชายแห่งคาโนวาล ( The Prince of Kanoval )
หนึ่งในสามหัวหน้านักเรียน และเพื่อนร่วมห้องของเฟริน เจ้าชายคนสำคัญของประเทศคาโนวาล ผู้มีเวทมนต์แกร่งกล้า อุปนิสัยเย็นชา แต่ในระยะหลัง ถูกเตาหลอมของเฟรินหลอมน้ำแข็งอยู่เรื่อยๆ จึงน็อตหลุดให้เป็นที่ชื่นมื่นของนักอ่านอยู่เสมอๆ
สิ่งที่ชอบ...หนังสือ
สิ่งที่เกลียด...ความวุ่นวาย
ความสามารถพิเศษ...ปั้นน้ำเป็นตัว (ทำน้ำแข็ง) โดยเฉพาะน้ำแข็งไส
คิลมัส ฟีลมัส
....เด็กหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาว ผมดำสนิท นัยน์ตาสีม่วง เดินพาร่างสมส่วนที่ดูจะสูงกว่าเฟรินไม่เกินครึ่งนิ้วฉั่บๆ ไปคว้ากุญแจห้องจากรุ่นพี่เปิดประตูห้องแล้วลากเอาสัมภาระตัวเองเข้าไป อย่างไม่คิดสนใจใครด้วยซ้ำ
ชื่อ...คิลมัส ฟีลมัส ( Kilmus Fylmus )
ฉายา...นักฆ่าแห่งซาเรส ( The Killer of Zares )
หนึ่งในสามหัวหน้านักเรียน คู่หูร่วมก๊วนกับเฟริน ลูกชายคนเล็กของตระกูลนักฆ่าที่โด่งดังของซาเรส มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น และชอบเล่นสนุก
สิ่งที่ชอบ...เรื่องสนุกๆ, สุนัข
สิ่งที่เกลียด...อาหารร้อนจัดๆ
ความสามารถพิเศษ...ผ่าตัดหัวใจโดยไม่ใช้มีด, เป็นเครื่องปั่นไฟสำรองเวลาดับ
โร เซวาเรส
....เด็กหนุ่มผมสีชาอ่อน นัยน์ตาสีเขียว นายโร เซวาเรส นายขอทานคนนั้นนั่นเอง....เสียงตอบรับกลับดังจากบุคคลที่ยืนอยู่ข้างหลัง แน่นอนที่สุด รอบรู้ไปทุกอย่างคงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก โร เซวาเรส เดอะเบ็กการ์คนนั้น
ชื่อ...โร เซวาเรส ( Ro Zevares )
ฉายา...ขอทานแห่งทริสทอร์ ( The Beggar of Tristor )
หนุ่มน้อยผู้มีความหลังเป็นปริศนา เฟรินขนามนามเขาว่าเป็นสารานุกรมเคลื่อนที่ เพราะพี่แกรู้ไปหมดทุกเรื่อง มักจะโผล่เข้ามาช่วยเฟรินในจังหวะเหมาะๆอยู่เสมอ
สิ่งที่ชอบ...ชา, เรื่องท้าทาย
สิ่งที่เกลียด...การถูกบังคับ
ความสามารถพิเศษ...เป็นห้องสมุดเคลื่อนที่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น